เครื่องมือฟรี ที่ดีต่อใจกับสาย Content Marketing ที่จะช่วยให้ค้นหาเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันของประเทศไทยและทั่วโลก เพื่อนำมาเขียนเล่าเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเครื่องมือที่ว่าก็คือ Google Trends นั่นเอง
เครื่องมือ Google Trend เป็นเครื่องมือฟรีที่ถูกพัฒนาโดย Google ซึ่งจะรวบรวมการค้นหาของผู้ใช้งานทั่วโลกว่าค้นหาเกี่ยวกับอะไร คำไหน คีย์เวิร์ดอะไรมากที่สุด และรวบรวมให้เรามาค้นหากัน โดยข้อมูลเหล่านี้สามารถย้อนดูได้มากถึง 10 ปี งั้นเรามาทำความรู้จักกับเจ้า Google Trends กันดีกว่าว่าเครื่องมือฟรีตัวนี้มีอะไรดีๆ ให้เราได้ใช้ประโยชน์บ้าง
1. รู้จักกับ Google Trend เบื้องต้น
Google Trends คือ เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์แนวโน้มในการค้นหาของผู้ใช้งานด้วยคีย์เวิร์ดต่างๆ ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับการหาความต้องการ Insights ของผู้บริโภค การหาความต้องการในสินค้าหรือบริการต่างๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหรือช่วงเวลาปัจจุบันและเครื่องมือตัวนี้ทาง Google เองก็เปิดให้ใช้งานได้ฟรี !! ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะผู้ให้บริการด้าน Search Engine ย่อมมีข้อมูลเกี่ยวกับการค้นหา รวมถึงพฤติกรรมหรือเทรนด์ต่างๆ ไว้ในมืออยู่แล้วมหาศาล
ดังนั้นแล้วเนี่ยสำหรับสาย Digital Marketing หรือจะเป็นพ่อค้าแม่ค้าหรือสาย Content ก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาดกับเครื่องมือฟรีตัวนี้
2. ประโยชน์ของ Google Trend
อย่างที่เล่าไปเมื่อตอนแรกประโยชน์ของเครื่องมืออย่าง Google Trends มีมากมายมหาศาล เพราะ Google เองถือเป็นแหล่งข้อมูลแบบ Big Data ที่มีข้อมูลแทบทุกอย่างอยู่ในมือ และประโยชน์หลักๆ ที่มีคือ1. ใช้ในการวางแผนทำคีย์เวิร์ด SEO หรือ SEM ได้ดีในระดับหนึ่ง
2. ดูแนวโน้มของตลาดสินค้าและบริการที่เรากำลังดำเนินอยู่
3. ใช้สำหรับการทำหัวข้อเขียน Content เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น
4. ตรวจสอบความสนใจ ณ ช่วงเวลานั้นๆ เพื่อวิเคราะห์ธุรกิจหรือสินค้าของตนเอง
5. ใช้ตรวจสอบคีย์เวิร์ดของแบรนด์และคู่แข่งได้ถ้าหากมีการค้นหา จะค้นหาด้วยคำว่าอะไร
6. สามารถตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายจากคีย์เวิร์ดได้ว่าอยู่ในพื้นที่ไหนมากที่สุด
7. ช่วยในการวางแผนหาสินค้าหรือบริการมาจัดจำหน่ายโดยดูจากกราฟแนวโน้ม
และนี่ก็คือประโยชน์หลักๆ ของ Google Trends ที่คิดว่าเครื่องมือตัวนี้แทบจะมีประโยชน์กับทุกอุสาหกรรมเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะฟรี แต่คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่าเครื่องมือเสียเงินกันเลยทีเดียว แต่ถ้าจะเป็นเชิงลึกมากๆ อาจจะใช้เครื่องมือเสียเงินจะดีกว่า แนะนำว่าให้ใช้ควบคู่กันจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
3. วิธีใช้ Google Trend
การใช้งานเครื่องมือตัวนี้ก็ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากนัก ถึงแม้ใครจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับด้านสายวิเคราะห์ก็ใช้งานได้แบบสบายๆ งั้นเรามาดูเป็นตัวอย่างกันดีกว่า เผื่อใครที่กำลังสนใจและอยากได้ไปใช้วางแผนในการทำงานของตัวเองเริ่มต้นเลยให้เข้าลิงค์นี้ Google Trends เมื่อเข้ามาปุ๊บก็จะเจอหน้าตาแบบนี้เลย
"บางครั้งมันก็จะขึ้นของต่างประเทศมาให้ อย่าลืมดูมุมขวาบนด้วยนะว่าเลือกเป็นประเทศอะไรอยู่ แล้วถ้าดูประเทศไทยก็เลือกกลับมาเป็นไทยจ้า"เมื่อเราเปิดหน้าแรกขึ้นมาแล้ว เราจะเห็นช่องให้กรอกข้อความค้นหาหรือหัวข้อที่เราต้องการค้นหา เราก็กรอกเรื่องที่เราสนใจลงไปได้เลย อย่างในตัวอย่างแอดจะลองกรอกคียเวิร์ด “วันสงกรานต์” ดู อยากรู้แนวโน้มจะเป็นอย่างไร จากนั้นให้เรากด Enter ได้เลย
งั้นเราลองปรับย้อนไป 5 ปีดู ปรากฏว่าเป็นอย่างที่วิเคราะห์จริงๆ ว่าคนนิยมค้นหาในช่วงก่อนวันสงกราต์จะเริ่ม 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ Google Trends สามารถให้เราเปรียบเทียบได้สูงสุดถึง 5 คีย์เวิร์ดด้วยกัน งั้นเดียวแอดจะลองค้นหาด้วยคำว่า “ปืนฉีดน้ำ” ดู อยากรู้ว่าเค้าจะเริ่มค้นหาและมีความต้องการกันช่วงไหน เผื่อจะได้มาวิเคราะห์ตลาดได้ จากกราฟเส้นสีแดงคือการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด “ปืนฉีดน้ำ” พบว่ามันน้อยมากเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องตกใจไปคนอาจจะค้นหาด้วยคำอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปืนฉีดน้ำก็ได้ หากเรานึกคีย์เวิร์ดอะไรออกก็สามารถกดเพื่อเพิ่มการเปรียบเทียบเข้าไปได้เลยการใช้งานเบื้องต้นก็มีประมาณนี้ ง่ายมากๆ ใส่คีย์เวิร์ดที่เราต้องการลงไปเพื่อดูว่าการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดนี้มีอัตรามากน้อยขนาดไหน และน่าสนใจขนาดไหนกับกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดนี้
4. รู้จักกับ Related Keyword
Related Keyword หรือคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง ตัวนี้จะเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ สำหรับคนที่นึกไม่ออกว่าจะค้นหาคำว่าอะไรดี โดยเราสามารถดูได้ 2 วิธีคือ4.1. ดูจากใน Google Trends
ให้เลื่อนลงมาที่ด้านล่างนิดนึง เราจะเจอคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ตรงนี้เราสามารถเอาคำเหล่านั้นมาช่วยในการค้นหาแนวโน้ม หรือกดเลือกดูแนวโน้มได้ทันที นอกจากนี้ยังบอกถึงอัตราการค้นหาด้วยว่าเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์หรือเป็นที่นิยมมากน้อยขนาดไหน
และหากดูจากภาพจะมีคำค้นหามากถึง 25 รายการด้วยกันที่นิยมในการค้นหาบน Google ในช่วงนี้ เราก็เลือกคีย์เวิร์ดที่น่าสนใจลองเช็คใน Google Trends เพิ่มเติมหรือลองค้นหาใน Google ดูก็ได้
4.2. การใช้ระบบ Related Keyword จาก Google
ปกติเราก็ใช้งาน Google กันเป็นประจำอยู่แล้ว การค้นหาสิ่งต่างๆ หากเราได้พิมพ์ไปใน Google ตัว AI ก็จะแนะนำคำที่นิยมค้นหาอยู่บน Google ขึ้นมาให้เราได้เห็นและสามารถจิ้มเลือกได้เลย นี่แหละคือ Related Keyword ชั้นยอดอีกตัวที่ช่วยค้นหาความต้องการของลูกค้าหรือความนิยมของสินค้าบางตัวได้
5. Tip&Trick เล็กๆ สำหรับการใช้ Google Trend
การใช้ Google Trend ในการช่วยทำสิ่งต่างๆ บอกเลยสามารถใช้งานได้หลากหลาย จับผสมใช้งานควบคู่กับเครื่องมืออื่นเพื่อสร้างความแม่นยำให้กับข้อมูลได้อีกด้วย มาดูกันดีกว่าเราจะสามารถดัดแปลงและใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง5.1. Google Trends สามารถเช็คเรื่องที่คนนิยมค้นหาเร็วๆ นี้ได้ด้วย
บางครั้งเราสามารถใช้ Google ในการติดตามข่าวสารต่างๆ ณ ตอนนั้นได้เหมือนกัน เพียงแค่คุณเปิด Google Trend ในหน้าแรกขึ้นมา จากนั้นก็เลื่อนลงมาด้านล่างก็จะเจอ Recently Trending หรือคำที่คนนิยมค้นหาในช่วงนี้ได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถดูคำที่นิยมค้นหาเพิ่มเติมได้ด้วย
5.2. สามารถดูการค้นหายอดนิยมประจำปีได้
เราสามารถย้อนกลับไปดูได้เหมือนกันว่าช่วงปีที่ผ่านมาหรือปีก่อนๆ คนนิยมค้นหาอะไรไปบ้าง โดยข้อมูลเหล่านี้สำหรับบางคนอาจจะไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเกิดนำมาประยุกต์ใช้แล้ว ก็สามารถนำมาอนุมานพฤติกรรมของผู้ที่ค้นหา หรือสินค้าของบริการเราได้ในระดับหนึ่ง
5.3. เลือกการกรองข้อมูลได้
เราสามารถเลือกตัวกรองในการค้นหาได้เหมือนกันเพื่อให้ตรงกับความต้องการดูข้อมูลของเรา โดยเครื่องมือ Google Trend จะเอามาให้ 4 ตัวกรองคือ
– ประเทศ เราสามารถเลือกคำค้นหาในประเทศนั้นๆ ได้
– ระยะเวลาของข้อมูล เลือกได้ตั้งแต่ชั่วโมงที่ผ่านมาไปจนถึงปี 2004 นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดเองได้
– เลือกหมวดหมู่ เราสามารถเลือกได้ว่าคำค้นหาของเรานั้นจะหาอยู่ในหมวดหมู่ใด
– การค้นหา ตรงนี้จะแบ่งได้ว่าคำที่เราค้นหาใช้สำหรับค้นหารูป ค้นหาข่าวสาร ค้นหาบน Google Shopping หรือค้นหาบน YouTube
Bonus สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้
ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับการอ่านบทความของแอดละกันนะครับ ตรง Bonus นี้ก็ไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่หากใครเข้าใจก็สามารถนำไปพลิกแพลงใช้งานควบคู่กับข้อมูลอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
Bonus 1 คำค้นหาสามารถแบ่งย่อยตามจังหวัดได้ด้วยนะ
บางครั้งการค้นหาส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากกรุงเทพฯ เป็นหลัก แต่บางคำอาจจะเป็นที่นิยมในต่างจังหวัดก็เป็นได้ โดยเราสามารถเลือกดูได้ว่าคีย์เวิร์ดที่เราค้นหาเนี่ย มีจังหวัดไหนบ้างที่นิยมใช้คำนี้ในการค้นหา ยกตัวอย่างคีย์เวิร์ด “อาหารสุนัข” ของแอดละกันนะ
จากภาพจะเห็นได้ว่าจังหวัดนนทบุรีนิยมค้นหาคีย์เวิร์ด “อาหารสุนัข” มากกว่าจังหวัดกรุงเทพฯ มากกว่าที่หลายคนคิดเสียอีกว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงน่าจะต้องซื้อของพวกนี้เยอะซึ่งจากการค้นหาเบื้องต้นมันจะแสดงกราฟที่เป็นเพียงภาพรวมการค้นหาของทั้งประเทศเท่านั้นว่าช่วงไหนคนนิยมหาคำๆ นี้มากที่สุด โดยตัวจังหวัดเราสามารถนำไปต่อยอดได้ในโบนัสขั้นต่อไป
Bonus 2 Google Trend + การหาสินค้ามาขาย + หาที่อยู่ของกลุ่มเป้าหมายเบื้องต้น
โบนัสข้อนี้ถือว่าเป็นประโยชน์กับพ่อค้าแม่ค้าเป็นอย่างมาก และก็เหมาะสมกับธุรกิจที่กำลังหากลุ่มเป้าหมายและแนวโน้มสินค้าของตัวเองเช่นกัน โดยเราสามารถเอาตัว Google Trend ตัวนี้มาช่วยดูได้เหมือนกันว่าสินค้าที่เราอยากเอามาขายนั้นเป็นอย่างไร นิยมหรือไม่ หรือมีแนวโน้มจะไปได้ต่อ
ยกตัวอย่างเดิมอีกคือ แอดอยากขายอาหารสุนัข แต่ไม่รู้ว่าแนวโน้มเป็นยังไงบ้างก็เลยเอาไปค้นหาได้กราฟภาพรวมตั้งแต่ปัจจุบันย้อนหลังไปอีก 1 ปี
ต่อมาจาก Bonus ข้อที่ 1 ที่เป็นจังหวัด เราสามารถนำมาเจาะขายให้ลูกค้าที่อยู่ในจังหวัดเหล่านี้ได้ เพราะตัวข้อมูลของ Google ค่อนข้างที่จะแม่นยำพอสมควร โดยเราสามารถนำไปเจาะได้กับทั้ง Facebook บนช่องทาง Marketplace ต่างๆ โดยลองขายแบบเจาะเข้าไปที่จังหวัดเหล่านี้ดูได้เลย
0 ความคิดเห็น